มองอเมริกา มาแก้ปัญหาไทย

Somdet Phra Buddhaghosacariya (P. A. Payutto)

ค่านิยมตามฝรั่ง

ปัญหาอย่างหนึ่งที่ถือว่าสำคัญมากเท่าที่อาตมภาพมองเห็นขณะนี้ ก็คือว่าสังคมไทยมีความเกี่ยวข้องกับอารยวัฒนธรรมตะวันตกเป็นอย่างมาก อิทธิพลของสังคมตะวันตกขณะนี้เด่นมากในสังคมไทย มีอิทธิพลมาก สิ่งที่มีอิทธิพลมากต่อสังคมของเรานั้น เราควรจะให้ความสนใจและพยายามมองกันให้ชัด เรื่องอิทธิพลตะวันตกนี้ก็เป็นเรื่องที่เรารู้ๆ กันอยู่ แต่เราเคยศึกษาให้ชัดหรือไม่ เมื่อเรามองได้ชัดแล้วเราจึงจะสามารถวางเป้าหมายให้ชัดเจนได้ เรื่องการรับอิทธิพลตะวันตกนี้เรายอมรับได้เต็มปากว่า ปัจจุบันนี้คนไทยนิยมตามฝรั่ง ตามวัฒนธรรมตะวันตก ความนิยมฝรั่งหรือตามตะวันตกในแบบของไทยนี้ มีลักษณะเฉพาะของประเทศไทยเอง ซึ่งไม่เหมือนกับในสังคมอื่น เราอาจจะพูดถึงประเทศอื่นว่ามีความนิยมตะวันตกเหมือนกัน เช่นอย่างประเทศญี่ปุ่นก็รับอิทธิพลตะวันตกเข้ามา แต่ลักษณะการตามของไทยกับของญี่ปุ่นก็ไม่เหมือน ลักษณะการตามนี้แหละเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาให้ชัด เมื่อศึกษาให้ชัดแล้วเราก็จะมองเห็นทางที่จะแก้ปัญหาได้

แม้ว่าไม่มีเวลาพูดกันยืดยาว อาตมภาพก็จะขอยกตัวอย่างบางประการ เช่นปีใหม่นี้เอง มีหน่วยราชการสำคัญแห่งหนึ่งได้ส่งบัตรอวยพรปีใหม่มาที่อาตมภาพ ภาษาไทยที่อวยพรนั้นก็รับได้ อ้างอิงคุณพระรัตนตรัยอวยพรให้ ส่วนภาษาอังกฤษก็รับได้เหมือนกัน แต่มีความรู้สึกสะดุดแปลกๆ ท่านบอกว่า Merry Christmas and A Happy New Year เอาละก็ไม่ว่าอะไร เพราะเป็นเรื่องของการตั้งจิตปรารถนาดีต่อกัน ถ้าว่าถึงความเสียหายก็ไม่มี แต่ขอให้ลองเทียบดู เหมือนกับว่าอาตมภาพนี้จะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ และก็มีญาติโยมคนไทยบางท่านไปส่งที่สถานีรถไฟหัวลำโพง หรือว่าไปส่งที่สนามบินดอนเมือง แล้วกล่าวคำอำลาอวยพรแก่อาตมภาพเป็นแบบญี่ปุ่นว่า ซาโยนาระ หรือพูดแบบฮาวายว่า อะโลฮ่ะ แล้วอาตมภาพจะรู้สึกอย่างไร มันก็เป็นคำแสดงความปรารถนาดี ไม่เสียหาย แต่มันอาจทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดอยู่บ้าง แม้แต่ในประเทศฝรั่งเองคำอวยพรปีใหม่ก็มีให้เลือกตั้งหลายแบบ เช่น A Happy Holiday Season, Season’s Greetings อะไรต่างๆ มีมากมาย แล้วแต่ฝรั่งเขาจะเลือกว่าจะใช้แบบไหน แต่นี่มา Merry Christmas กับพระที่ในเมืองไทย เอาละ นี่เป็นการแสดงความปรารถนาดีก็ไม่ว่าอะไรกัน เป็นแต่เพียงตั้งข้อสังเกต

ตอนนี้ที่กำลังเกร่อกันมาก ก็คือเรื่องวาเลนไทน์เดย์ หรือวันวาเลนไทน์ (Valentine Day)1 เป็นวันแห่งความรัก วันวาเลนไทน์นี้ในประเทศไทยนิยมกันแพร่หลายในระยะสัก ๔ หรือ ๕ ปี มานี้เอง รู้จักกันทั่วไปในโรงเรียนต่างๆ เป็นเรื่องเกร่อ แม้ในวารสารทางด้านครูก็เอามาแสดงออก ปรากฏว่าเด็กในสมัยปัจจุบันนี้จำนวนไม่น้อย รู้จักวันคริสต์มาส วันวาเลนไทน์ ว่าเมื่อไรและจะต้องทำอะไร แต่ไม่รู้จักเลยว่าวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา คือวันอะไรและเมื่อไร อันนี้ก็เป็นเรื่องน่าสังเกตในแง่ของวัฒนธรรม มีท่านผู้หนึ่งบอกว่า การที่วันคริสต์มาส วันวาเลนไทน์แพร่หลายขึ้นมานี้ เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องของธุรกิจ คือพวกนักธุรกิจได้โอกาสในการที่จะโฆษณาสินค้า ก็โหมในเรื่องนี้ เพื่อหวังผลในด้านการค้าขาย นี้ก็เป็นเรื่องของวัฒนธรรมฝรั่งที่เข้ามาอย่างมากมายในรูปของการค้าขาย แต่เหตุผลในด้านอื่นก็มี ซึ่งทั้งหมดนั้นก็อาศัยฐานของค่านิยม คือ ความนิยมตะวันตก และอีกด้านหนึ่งก็เป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่า ผู้รับผิดชอบในทางศาสนาและวัฒนธรรมของสังคมไทย ได้ปล่อยให้เรื่องศาสนาและวันสำคัญของชาติ กลายเป็นเรื่องห่างไกล ไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีความหมายต่อชีวิตของคนทั่วไป คนจึงหมดความสนใจไปเอง

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุอย่างไรก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นก็จะมีอิทธิพลต่อสังคมไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในระยะยาว และเป็นเรื่องที่จะต้องเอาใจใส่ ปัจจุบันนี้รัฐบาลพยายามปลุกปล้ำให้เกิดความนิยมไทย คณะกรรมการเอกลักษณ์ก็ทำหน้าที่อย่างนี้ ในแง่หนึ่งก็เหมือนกับว่าน่าสงสารรัฐบาล พยายามปลุกปล้ำในเรื่องนี้ไม่ทันเขา พยายามปลุกใจ หรือลงทุนลงแรงที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างความนิยมด้วยประการต่างๆ แต่ในฝ่ายความนิยมวัฒนธรรมตะวันตกนั้น รัฐบาลไม่ต้องส่งเสริมก็ได้ เพราะผู้คนทั่วไปเริ่มตั้งแต่เด็กต่างช่วยกันเผยแพร่เอง และสื่อมวลชนก็ช่วยหนุน หรือว่าช่วยกระพือให้แพร่หลายทั่วถึงมากยิ่งขึ้น อันนี้จะเป็นเครื่องแสดงได้หรือเปล่าว่า ปัจจุบันนี้ ความภูมิใจในความเป็นชาติไทยและวัฒนธรรมไทยนี้แทบจะไม่มีเหลือ

เรื่องการตามในแง่ที่กล่าวมานี้ เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ มันส่อแสดงถึงการที่ว่า เรามีศรัทธา มีความเชื่อ มีความนิยมนับถือ เราเห็นว่าวัฒนธรรมของตะวันตกหรือของฝรั่งนั้นดีกว่า เจริญกว่าของเรา เราจึงได้เดินตามเขา เรื่องในขั้นความคิดนี้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องของค่านิยม ความนับถือ ศรัทธา เป็นขั้นจิตใจ ความคิดย่อมนำการกระทำ ความคิดย่อมนำหน้าการดำเนินชีวิตทั้งหมด เมื่อใจไปเสียแล้ว ต่อไปการดำเนินชีวิตก็จะตาม ไปด้วย ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงหลักไว้ว่า “จิตฺเตน นียติ โลโก” โลกนี้อันจิตย่อมนำไป หรือจะอ้างพุทธภาษิตในธรรมบทบทแรก ก็บอกว่า “มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา” ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า เป็นตัวนำ หรือจะมองในแง่ทิฏฐิก็ได้ คือว่าเป็นความคิดความเห็น ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ทิฏฐิตั้งไว้ผิดเสียแล้ว การกระทำ การดำเนินชีวิตก็จะพลอยผิดไปตาม ในแง่นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องใส่ใจ

1เรียก Valentine’s Day บ้าง Saint Valentine’s บ้าง ก็มี
The content of this site, apart from dhamma books and audio files, has not been approved by Somdet Phra Buddhaghosacariya.  Such content purpose is only to provide conveniece in searching for relevant dhamma.  Please make sure that you revisit and cross check with original documents or audio files before using it as a source of reference.