ธรรมกับไทย ในสถานการณ์ปัจจุบัน

Somdet Phra Buddhaghosacariya (P. A. Payutto)

ธรรมกับไทย
ในสถานการณ์ปัจจุบัน1

บัดนี้มาถึงโอกาสสำหรับการบรรยายพิเศษที่มีชื่อเรื่องว่า “ธรรมะกับสถานการณ์ปัจจุบัน” ซึ่งเป็นหัวข้อที่ประธานกองทุนมูลนิธิการศึกษาเพื่อสันติภาพได้กำหนดขึ้น โดยปรารภเกี่ยวกับสภาพสังคมในปัจจุบัน

สังคมเป็นอย่างไร
จึงแทบไม่มีใครพูดถึงในแง่ดี

เมื่อพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เวลานี้แทบจะไม่มีใครพูดในแง่ดีเลย มีแต่พูดในแง่ของความเสื่อมโทรม เรื่องของปัญหา เรื่องของความน่าเป็นห่วง น่าหนักใจทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงสังคมไทยเราเอง ก็จะพูดกันถึงลักษณะที่ไม่น่าสบายใจเป็นพิเศษ

ความจริง สภาพที่เสื่อมโทรมและมีปัญหานั้นได้มีไปทั่วโลก ไม่ใช่มีเฉพาะประเทศไทย เพราะสภาพของสังคมไทยและโลกทั้งหมด ปัจจุบันกำลังอยู่ในภาวะที่เรียกว่า เป็นการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งเป็นคำที่องค์การสหประชาชาติประกาศออกมา เท่ากับเป็นที่ยอมรับอยู่แล้วว่าเวลานี้สถานการณ์ของโลกอยู่ในภาวะเป็นปัญหา ไม่น่าพอใจ และจะต้องแก้ปัญหาการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนให้ยั่งยืน แต่ทำอย่างไรจะให้ยั่งยืนได้ก็ยังไม่ยุติ

สังคมไทยปัจจุบันนี้มีปัญหาอยู่มาก ยกตัวอย่างตามที่ได้ทราบจากสื่อมวลชน เช่น เมื่อ 2-3 วันมานี้ได้ฟังวิทยุกระจายเสียงเกี่ยวกับปัญหาโรคเอดส์ว่า ประเทศไทยได้มีคนติดโรคเอดส์มากนำหน้าประเทศอื่นทั้งหลาย ถึงแม้สถิติจะไม่เป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ก็คงเป็นอันดับหนึ่งของเอเชีย รองลงไปได้แก่ประเทศกัมพูชาและอินเดียตามลำดับ

โรคเอดส์เป็นปัญหาที่น่าหนักใจ เพราะว่าบัดนี้ได้กลายมาเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนในสังคมไทย สถิติบอกว่าคนไทยตายด้วยโรคเอดส์ชั่วโมงละ 4 คน ทางภาคเหนือบางท่านพูดว่าตายเหมือนใบไม้ร่วง นี่ปี 2539 ยังตายมากขนาดนี้ ถ้าถึงปี 2540 จะตายมากขนาดไหน เมื่อ 3-4 ปี ก่อน ประเทศไทยมีการตายด้วยอุบัติเหตุเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงภาวะที่คนไทยขาดวินัย มีความประมาท ขาดสติ คือขาดธรรมมาก แต่บัดนี้โรคเอดส์ได้นำหน้าเหนืออุบัติเหตุไปแล้ว

นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่หนักมาก คือเรื่องยาเสพติด ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก กรมตำรวจได้ออกสถิติมาเมื่อเร็วๆ นี้ว่าในช่วงเวลา 9 เดือนนับจากเดือนมกราคม 2539 ตำรวจจับกุมผู้ทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเฉพาะยาม้าได้เกินกว่า 35,000 ราย นับจำนวนเม็ดได้ 24,000,000 เม็ด เทียบกับปี 2538 ในช่วงเวลา 9 เดือนเดียวกัน คือมกราคม ถึงกันยายน 2538 คดีเกี่ยวกับยาม้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 161 น่ากลัวมาก

ยาม้า เดี๋ยวนี้เรียกว่า ยาบ้า เป็นการแสดงถึงความรุนแรง และโทษก็เพิ่มขึ้นเป็นประหารชีวิตแล้ว เมื่อไม่กี่วันนี้ได้ยินข่าวจากวิทยุกระจายเสียงว่าในเรือนจำมีผู้ต้องโทษที่เกี่ยวกับยาเสพติดเป็นจำนวนร้อยละ 38 ซึ่งนับว่าสูงมาก สถิติเหล่านี้เอามาแสดงพอเป็นสังเขป

นอกจากนี้ยังมีเรื่องโสเภณีที่ว่าประเทศไทยกลายเป็นแดนธุรกิจบริการทางเพศ เมื่อปี 2535 หนังสือสารานุกรมฉบับหนึ่งของออกฟอร์ด (“prostitution,” Oxford Illustrated Encyclopedia of Peoples and Cultures, 1992) ได้พูดถึงกรุงเทพฯ ว่ามีโสเภณีจำนวน 200,000 คน ปี 2539 ข้อมูลจากมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กเสนอไว้ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2539 และในหนังสือความฝันของแผ่นดินไทย ว่าปัจจุบันประเทศไทยมีโสเภณีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี จำนวน 30,000 - 60,000 คน ซึ่งเป็นเรื่องที่แสดงถึงภาวะของสังคมที่เรียกว่าเสื่อมโทรม

ยังมีสถิติอื่นๆ ที่แสดงถึงภาวะที่ไม่พึงปรารถนาอีกมาก เช่น เงินนอกระบบที่แพร่สะพัดในสังคมไทย ซึ่งมีประมาณ 800,000,000,000 บาท ในเงินจำนวนดังกล่าวมีส่วนที่เกี่ยวกับระบบโสเภณีหรือธุรกิจบริการทางเพศ ประมาณ 400,000,000,000 - 500,000,000,000 บาท รองลงมาเป็นด้านการพนัน ประมาณ 100,000,000,000 บาท และรองลงมาอีกได้แก่ด้านยาเสพติด ซึ่งดูคล้ายกับว่ามีไม่มากนัก แต่อาจจะไปแฝงอยู่กับด้านอื่น เช่น โสเภณี และการพนัน เป็นต้น

ถ้ามองกว้างออกไปถึงธรรมชาติแวดล้อม คนไทยทำให้ป่าลดน้อยลงเหลือไม่ถึงร้อยละ 20 เศรษฐกิจของประเทศไทยที่พูดกันว่าค่อนข้างตกต่ำ ในอดีตเคยเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วถึงขั้นเป็น “เสือ”มาแล้ว แต่ที่ว่าเจริญนั้นส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแบบขายทุนเก่า คือไม่ใช่ธุรกิจแบบใช้ปัญญาสร้างสรรค์ ถ้าเป็นธุรกิจแบบขายต้นทุนเก่าก็ไม่น่าภูมิใจและไม่มั่นคง เศรษฐกิจที่ดีแท้ต้องเกิดจากการสร้างสรรค์ด้วยปัญญา เศรษฐกิจขายทุนเก่า เช่น ขายทรัพยากรที่มีอยู่ ขายที่ดิน ขายแรงงานราคาถูก พอแรงงานราคาไม่ถูกแล้ว กิจการบางอย่างจากต่างประเทศก็หนีไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีค่าแรงถูกกว่า ตลอดจนขายแม้กระทั่งตัวคน เศรษฐกิจแบบนี้ไม่ปลอดภัยและไม่ยั่งยืน แต่น่าอดสูใจ

ในด้านการเมือง เวลานี้ก็พูดกันมากเรื่องปฏิรูปการเมือง ที่ต้องปฏิรูปการเมือง ก็เพราะว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทยในปัจจุบันยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ยังมีปัญหาต่างๆ มากในทุกระดับ แต่สำหรับพระสงฆ์เราถือกันว่าไม่อยากให้พูดเรื่องการเมือง ทางคณะสงฆ์ก็มีประกาศไม่ให้พระพูดเรื่องการเมือง แต่ที่ห้ามไม่ให้พระสงฆ์พูดเรื่องการเมืองนั้นหมายถึงพูดในแง่ของการเข้าเป็นฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ ที่เรียกว่าเล่นการเมือง แต่พระสงฆ์มีหน้าที่พูดการเมืองในแง่ของธรรม คือหลักการเมืองการปกครองว่า ทำอย่างไรการเมืองจึงจะเป็นไปด้วยดี การปกครองมีหลักการอย่างไร คนที่เข้ามาเล่นการเมืองควรมีคุณธรรมอย่างนั้นอย่างนี้ ในแง่นี้พระสงฆ์พูดได้ และเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ด้วย

รวมความว่าที่พูดมานี้ได้ปรารภเรื่องสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นว่าไม่น่าพอใจ เมื่อไม่น่าพอใจแล้ว จะนำธรรมมาใช้เพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างไร

1บรรยายพิเศษในงานทอดผ้าป่าสามัคคีกองทุนการศึกษาเพื่อสันติภาพ ณ หอประชุมพุทธมณฑล วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2539
The content of this site, apart from dhamma books and audio files, has not been approved by Somdet Phra Buddhaghosacariya.  Such content purpose is only to provide conveniece in searching for relevant dhamma.  Please make sure that you revisit and cross check with original documents or audio files before using it as a source of reference.